10/17/2558

ความสามารถ(ไม่)ลับที่หลายคนยังไม่รู้ของ ASUS Zenfone

สวัสดีครับเพื่อนสมาชิก Droidsans ทุกท่าน หากพูดถึงชื่อ ASUS Zenfone หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีว่าเป็นมือถือที่ถือว่า Hot สุดๆในตลาดมือถือราคาถูกช่วงนี้ ด้วยราคาต่อสเปกที่ถือว่าคุ้มค่าสุดๆ ถ้าเทียบกับมือถือในช่วงราคาเดียวกันหรือจริงๆอาจจะเทียบชั้นก็มือถือในตลาดกลางระดับหมื่นบาทได้เลย เรียกว่าหันไปทางไหนก็มีแต่คนมองหา Zenfone จนของขาดตลาดไปช่วงหนึ่ง ถึงตอนนี้คงมีจำนวนผู้ใช้ Zenfone อยู่จำนวนไม่น้อยในประเทศไทย แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ASUS ได้ใส่ความสามารถที่น่าสนใจและมีประโยชน์หลายๆอย่างเข้ามามือถือรุ่นนี้ เราลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้างครับ

ASUS ZenLink
ASUS ZenLink เป็นชุดของ App ที่ใช้ในการควบคุมและแชร์ไฟล์ผ่านมือถือ Zenfone หรือบาง App ก็สามารถใช้แชร์ไฟล์กับอุปกรณ์ยี่ห้ออื่นได้เหมือนกัน โดย ZenLink ประกอบด้วย PC Link, Share Link, Remote Link และ Party Link

PC Link
PC Link เป็น App ที่ทำให้เราสามารถควบคุมมือถือ Zenfone ผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้เลย โดยอาศัยการเชื่อมต่อผ่านทางสาย USB ซึ่งเราสามารถใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ของคอมพิวเตอร์ในการควบคุมมือถือได้ การใช้งานเราต้องมีการติดตั้งโปรแกรม PC Link ลงในคอมพิวเตอร์ของเราก่อน ซึ่งสามารถ download มาติดตั้งได้จาก Link นี้ http://pclink.asus.com/ หลังจากติดตั้งโปรแกรมเสร็จแล้วเรามาดูขั้นตอนการใช้งานกัน
1. เสียบสาย USB ต่อ Zenfone เข้ากับคอมพิวเตอร์
2. เปิด PC Link ในมือถือขึ้นมา ซึ่งถ้าเรายังไม่เคยเปิด USB Debugging ในมือถือ เราจะเห็นข้อความบอกว่าให้เปิด USB Debugging ก่อนครับ

3. เปิดโปรแกรม PC Link ในคอมพิวเตอร์ขึ้นมาแล้วก็กดปุ่ม Connect ได้เลย
 

4. หลังจากทำการ Connect ได้สำเร็จ เราก็จะเห็นหน้าจอมือถือของเราโผล่ขึ้นมาในโปรแกรม PC Link ทันที โดยจะสามารถใช้เมาส์เคอร์เซอร์ click บนหน้าจอแทนนิ้วได้เลย ส่วนเวลาจำเป็นต้องพิมพ์อะไรก็สามารถพิมพ์บนคีย์บอร์ดของเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เลยเช่นกัน
 

5. นอกจากการควบคุมมือถือแล้ว PC Link ยังมีแถบเครื่องมือด้านบนให้ทำงานเพิ่มเติมได้ คือ
    • Screen Rotation: หมุนหน้าจอ
    • Volume: ปรับความดังของเสียง
    • Screenshot: จับภาพหน้าจอแล้วบันทึกลงคอมพิวเตอร์เลย โดยภาพจะเก็บไว้ใน Pictures\PCLink
    • Power: เปิด-ปิดหน้าจอโทรศัพท์
    • Settings: สามารถเปลี่ยน Folder ที่จะบันทึกภาพหน้าจอได้จากเมนูนี้

PC Link นั้นมีประโยชน์มากในกรณีที่เราใช้คอมพิวเตอร์อยู่แล้วมีการแจ้งเตือนในมือถือหรือเราต้องการจะทำอะไรสักอย่างในมือถือระหว่างนั้น เราไม่จำเป็นต้องหยิบมือถือขึ้นมาแต่สามารถตรวจดูการแจ้งเตือนหรือทำงานผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปได้เลยครับ สิ่งที่ควรจะปรับปรุงสำหรับ PC Link คือ framerate ในการแสดงผลนั้นน้อยไปหน่อยเลยดูไม่ลื่นไหลสักเท่าไหร่และยังไม่สามารถบันทึกภาพหน้าจอเป็นวิดีโอได้ครับ

Remote Link
Remote Link เป็น App ที่ทำให้เราสามารถใช้ Zenfone เป็นรีโมทสำหรับคอมพิวเตอร์ได้ กล่าวคือ มันสามารถเป็น touchpad, ตัวควบคุมงานพรีเซนต์ Powerpoint, ตัวควบคุมโปรแกรม Windows Media Player และคีย์บอร์ดสำหรับพิมพ์ได้ โดยอาศัยการเชื่อมต่อทาง Wifi หรือ Bluetooth ซึ่งการใช้งานเราต้องติดตั้งโปรแกรม Remote Link ลงในคอมพิวเตอร์ก่อน สามารถ download มาติดตั้งได้จาก Link นี้http://remotelink.asus.com/ หลังจากติดตั้งโปรแกรมเสร็จแล้วเรามาดูขั้นตอนการใช้งานกัน
1. เปิด Remote Link ใน Zenfone ขึ้นมาแล้วเลือกว่าจะเชื่อมต่อแบบไหน ถ้าเป็น Wifi เครื่องคอมพิวเตอร์และตัว Zenfone เองต้องอยู่ในเครือข่ายเดียวกัน ถ้าเป็น Bluetooth ก็ต้องมีการ pair กันก่อนใช้งานครับ
2. เลือกวิธีเชื่อมต่อแล้วก็กด Search device ค้นหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อได้เลย
3. หลังจากเชื่อมต่อสำเร็จ Zenfone ก็พร้อมเป็นรีโมทที่ใช้ควบคุมคอมพิวเตอร์ทันที ซึ่งรองรับการใช้งาน 4 แบบด้วยกัน ดูตัวอย่างได้ตามวิดีโอครับ
    • การใช้งานเป็น touchpad
    • การใช้งานเป็นตัวควบคุมงานพรีเซนต์
    • การใช้งานเป็นตัวควบคุม Windows Media Player
    • การใข้งานเป็นคีย์บอร์ด

Share Link
Share Link เป็น App ที่ทำให้เราสามารถส่งไฟล์ทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, วิดีโอ, เพลงหรือไฟล์อื่นๆ โดยสามารถส่งไฟล์ระหว่างมือถือ Zenfone ด้วยกันเองหรือจะส่งไฟล์ไปให้มือถือ Android ยี่ห้ออื่นก็ได้ผ่านทาง App ที่ชื่อว่า SHAREit ซึ่งจริงๆแล้ว Share Link นั้นเป็น App ที่พัฒนามาจาก SHAREit อีกต่อหนึ่ง(แต่ความสามารถน้อยกว่า) หลักการทำงานของ Share Link (หรือ SHAREit) คือเครื่องที่รับไฟล์จะทำตัวเป็น Wifi hotspot แล้วให้เครื่องที่ส่งไฟล์เชื่อมต่อเข้ามา เสมือนอยู่ในวงเครือข่ายเดียวกัน ทำให้การส่งไฟล์นั้นทำได้เร็วมากๆ แถมไม่ต้องเปลืองเน็ต 3G อีกต่างหาก ทั้งเร็วทั้งประหยัดค่าใช้จ่าย ถือว่ามีประโยชน์มากๆเลยครับ
สิ่งที่ต้องมีสำหรับเครื่องที่ต้องการรับไฟล์ ถ้าเป็น Zenfone ด้วยกันก็ใช้ Share Link ได้เลย แต่ถ้าเป็นมือถือ Android ยี่ห้ออื่น ให้ติดตั้ง SHAREit จาก Play Store ก่อนครับ ลองมาดูวิดีโอแนะนำวิธีการใช้งานกัน โดยในตัวอย่างจะเป็นการส่งรูปภาพ 3 รูปจากเครื่อง Zenfone (ด้านซ้าย) ไปยังมือถือ Android ยี่ห้อหนึ่ง(ด้านขวา)

Party Link
Party Link เป็น App ที่ให้เราสามารถสร้าง Group ขึ้นมาเพื่อแชร์รูปแบบ Real-time ระหว่าง Zenfone กับอุปกรณ์ ASUS ตัวอื่นที่มี Party Link เหมือนกัน โดยเมื่อเราถ่ายรูปผ่านกล้องของ Zenfone รูปจะถูกแชร์ไปยังเครื่องของคนที่อยู่ใน Group ทันที เหมาะสำหรับใช้ตอนไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มทั้งกลางวันและกลางคืนนะครับ น่าเสียดายที่ผมมี Zenfone เพียงเครื่องเดียวเลยทำตัวอย่างให้ดูไม่ได้ แต่ลองดูจากวิดีโอแนะนำการใช้งานของ ASUS ได้ครับ

Easy Mode
ASUS Zenfone นั้นมาพร้อมกับ Easy Mode ซึ่งเป็นโหมดที่ปรับหน้าตาการใช้งานให้สามารถใช้ได้ง่าย ตัวหนังสือก็มีขนาดใหญ่ให้มองเห็นได้ชัดเจน ไม่มีความซับซ้อนหรือต้องเรียนรู้มากนักในการใช้งาน ไม่เหมือนกับตัว Launcher หลักที่ถ้าเป็นมือใหม่สำหรับ Android อาจจะต้องทำความคุ้นเคยพอสมควร ดังนั้น Easy Mode จึงเหมาะสำหรับให้ผู้สูงอายุหรือเด็กๆใช้งาน หรือบางท่านอาจจะชอบอะไรง่ายๆก็ลองเปิดโหมดนี้ดูอาจจะชอบไปเลยก็ได้ครับ วิธีการใช้งานก็ตามนี้เลย

ASUS Cloud
ทาง ASUS เองก็มีบริการกลุ่มเมฆหรือ Cloud service ให้กับคนที่ใช้อุปกรณ์ของ ASUS สามารถอัพโหลดไฟล์ประเภทต่างๆ ขึ้นไปเก็บบนกลุ่มเมฆได้ โดยเริ่มต้นจะมีพื้นที่ให้ใช้งาน 5GB โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่ง ASUS ก็มี App ในมือถือมาให้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่บนกลุ่มเมฆได้มากขึ้น คือ ASUS WebStorage นอกจากนั้นเรายังสามารถ share รูปและวีดีโอจาก Gallery หรือบันทึก Note ด้วย SuperNote เข้าไปใน WebStorage ได้เลย

 
ASUS WebStorage จะเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้บริการกลุ่มเมฆของ ASUS โดยเริ่มแรกเราต้องมีการลงทะเบียน ASUS account ไว้เพื่อนำมาใช้ Login กับ WebStorage ด้วย วิธีการใช้งาน WebStorage มีดังนี้

1. เปิด WebStorage ขึ้นมาแล้วก็ทำการลงทะเบียนเพื่อสมัคร Account ใหม่หรือถ้าใครมี ASUS Account อยู่แล้วก็นำมาใช้ Login ได้เลยครับ

2. หลังจาก Login แล้ว ตัว WebStorage จะแสดงหน้า MySyncFolder ขึ้นมาเพื่อให้เราจัดการสร้าง Folder, อัพโหลดไฟล์ที่ต้องการ และลบไฟล์ที่ไม่ต้องการแล้วได้

3. เราสามารถเข้าไปที่หน้า Settings เพื่อเปิดระบบ Instant Upload ได้ โดยเวลาเราถ่ายรูปหรือวิดีโอจากกล้องมือถือ ภาพและวิดีโอเหล่านั้นจะถูก upload ขึ้นไปบน WebStorage ทันที

ASUS Backup
ASUS Backup จะเป็นตัวช่วย backup ข้อมูล App ที่มีในมือถือทั้งหมดเก็บเป็นไฟล์ 1 ไฟล์ ซึ่งสามารถ backup ได้ทั้งตัว App และข้อมูลของ App นั้นๆเลย ทำให้เวลาเราเปลี่ยนไปใช้มือถือเครื่องใหม่หรือเราจำเป็นต้อง Hard Reset เครื่อง เราจะสามารถ restore ตัว App และข้อมูลของ App ที่เคย backup ไว้มาลงเครื่องใหม่ได้เลย วิธีการใช้งานมีดังนี้

การ Backup
1. ในหน้าแรก จะมีให้เราเลือกได้ว่าต้องการ backup ทั้งหมดที่มีในเครื่องเลยหรือจะเลือก backup เฉพาะ App ที่เราต้องการก็ได้ครับ โดยจะแบ่ง App เป็น 2 ประเภทคือ System app data ซึ่งเป็นข้อมูลของ App ที่ติดตั้งมากับเครื่องอยู่แล้ว และ Installed apps เป็น App ที่เราติดตั้งจาก Google Play Store

2. เราสามารถเลือก App ที่ต้องการจะ backup ได้โดยติ๊กถูกหน้าชื่อ App นั้น หลังจากที่เลือก App แล้วจะมีตัวเลือกขึ้นมาด้านล่างให้เลือกว่าจะ backup ตัว Data ของ App อย่างเดียวหรือจะ backup ทั้ง Data และตัว App เลย นอกจากนั้นก็จะแสดงเนื้อที่ที่ใช้ในการ backup ด้วย เมื่อพร้อมแล้วก็กด Start backup ได้เลย

3. จากนั้นให้เรากำหนดชื่อของ Backup file ที่ต้องการจะบันทึกเก็บไว้

4. เราสามารถตั้งรหัสผ่านให้กับตัว backup file ได้ด้วยเพื่อความปลอดภัย

5. Backup เสร็จเรียบร้อย หลังจากนี้ก็สามารถ Copy ไฟล์ backup ไปเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์, SD card หรือเก็บบน WebStorage ก็ยังได้ ตอนที่เราเปลี่ยนมือถือใหม่หรือ Hard Reset ก็นำไฟล์ backup นี้มา restore ใช้งานได้เลย

การ Restore
1. เราสามารถ restore ไฟล์ที่เคย backup ไว้ได้โดยเลือกที่แท็บ Restore ถัดจากแท็บ Backup

2. เลือกไฟล์ที่ต้องการ restore แล้วก็กดปุ่ม Start restore ได้เลย
 

Share ภาพให้สนุกกับ ASUS MicroFilm และ Collage
ตัว Gallery ที่เอาไว้สำหรับดูรูปภาพต่างๆในเครื่องนั้นมีความสามารถเด็ดอยู่ 2 อย่างคือ MicroFilm และ Collage ที่จะทำให้การ Share ภาพอวดเพื่อนๆของเรานั้นสนุกและน่าสนใจมากขึ้น

ASUS MicroFilm เป็น App ที่เอาไว้ทำวิดีโอสไลค์ภาพสวยๆ ซึ่งจะมี template เตรียมเอาให้เราใช้งานหลายรูปแบบ คล้ายๆ HTC Zoe นั่นเองครับ ลองมาดูวิธีการใช้งานกันครับ
1. การใช้งาน MicroFilm จะเข้าถึงได้โดย App แยกหรือเลือก share ภาพใน Gallery แล้วเลือก MicroFilm ก็ได้

2. หน้าแรกของ MicroFilm พร้อมแล้วก็กด Start ได้เลย

3. เลือกภาพที่เราต้องการเอาไปทำ slideshow โดยแนะนำให้เลือกรูปประมาณ 15-20 รูปกำลังดีครับ แล้วกดปุ่ม Next

4. จากนั้นตัว App จะทำวิดีโอพรีวิวขึ้นมาให้เราดูเป็นตัวอย่าง

5. หากเราไม่ชอบก็สามารถเปลี่ยนไปใช้ template แบบอื่นๆได้ทางด้านขวาครับ

6. นอกจากนั้นเรายังสามารถเลือกเปลี่ยนเพลงที่ต้องการและแก้ไข subtitle ที่ใช้ในตัว slide ได้ด้วย โดยกดที่ปุ่ม Settings มุมบนขวา

7. ถ้าพอใจแล้วก็กดบันทึกตรงปุ่มรูปแผ่นดิสค์ได้เลย

8. เท่านี้ไฟล์ slideshow ก็พร้อม share เข้า Social Network ที่เราใช้งานแล้ว

ตัวอย่าง ASUS MicroFilm

Collage เป็นความสามารถของ Gallery ที่นำรูปหลายๆรูปมาต่อกันเป็นรูปเดียวเพื่อความหลากหลาย ถ้าใครรู้จักหรือใช้งาน App ที่ชื่อว่า PhotoGrid หรือ Photo Collage อยู่น่าจะเข้าใจดี ซึ่งใน Zenfone จะสามารถทำได้เลยผ่านทาง Gallery โดยไม่ต้องลง App เพิ่ม มาลองดูวิธีกันครับ
1. เปิด Gallery ขึ้นมาแล้วเลือกรูปที่ต้องการ จากนั้นก็กดปุ่ม Collage ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ

2. เราสร้างปรับแต่งรูป Collage ได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วน, layout, สีพื้นหลัง หรือการลบเหลี่ยมของแต่ละช่อง พอปรับแต้งเสร็จก็กดบันทึกได้เลย

3. รูป Collage พร้อม share เข้า Social Network หรือโปรแกรม chat ที่เราชื่นชอบเรียบร้อย

ส่งท้ายกันตรงนี้ หวังว่าบทความชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มี ASUS Zenfone อยู่ในมือไม่ว่าจะเป็น 4 , 4.5 , 5 , 5 LTE หรือ 6 สามารถใช้งานสิ่งที่อธิบายมาได้ทั้งหมด สำหรับท่านที่ใช้ความสามารถเหล่านี้อยู่แล้ว ขอให้รู้ว่าท่านใช้ Zenfone ได้คุ้มค่าจริงๆครับ เจอกันใหม่บทความหน้า สวัสดีครับ -/\-

วิธีอัพเดท Android 5.0 Lollipop ให้ Asus Zenfone 4 5 6 (พร้อมวิธี downgrade)

Asus ได้ปล่อยอัพเดท Android 5.0 Lollipop ให้กับ Zenfone รุ่นแรกทั้งสามตัว นั่นคือ Zenfone 4, Zenfone 5, และ Zenfone 6 ซึ่งหลายๆคนอาจจะได้รับอัพเดทผ่าน WiFi (FOTA - Firmware Over The Air) กันไปเรียบร้อย แต่เชื่อว่าน่าจะมีอีกหลายๆคนอาจจะยังไม่ได้ เนื่องจากการอัพเดทจะค่อยๆปล่อยออกมาเป็นระยะตามกระบวนการเพื่อความปลอดภัย ดังนั้นเราจึงขอเอาวิธีการอัพเดทแบบ Manual มาบอกให้เพื่อนๆได้ทราบกันครับ 

ก่อนอื่นไปดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์กันก่อน โดยให้โหลดตามแต่ละรุ่นไปดังนี้
Zenfone 4 : http://bit.ly/1dBVPWB
Zenfone 5 : http://bit.ly/1KJs43t
Zenfone 5 LTE : http://bit.ly/1KJrz9L
Zenfone 6 : http://goo.gl/cucyxS
ในกรณีที่ลิงก์พัง หรือจะหาลิงก์ของเครื่องนอกเช่น ไต้หวัน สามารถเข้าลิงก์ท้ายบทความไปหาได้เองเลยครับ
*ข้อควรระวัง: ใครใช้เครื่องนอก เช่น เครื่องไต้หวัน ต้องเข้าไปหาโหลดเฟริ์มแวร์ของไต้หวันเท่านั้น หรือให้แฟลชเฟิร์มแวร์เป็นของไทยก่อนแล้วจึงอัพเดท ไม่งั้นเครื่องอาจมีปัญหาได้
**เครื่องที่ผ่านการรูท แม้ว่าจะ Unroot ไปเรียบร้อยแล้วก็จะไม่สามารถใช้วิธีนี้ในการอัพเดทเครื่องได้นะครับ ต้องทำการ Flash รอมศูนย์ลงไปใหม่ก่อนทั้งยวงเลยเท่านั้นครับ เข้าไปดูวิธีการได้ที่ >> วิธีแฟลชกลับไปรอมศูนย์ Asus Zenfone 
***ให้ทำการอัพเดท FOTA ไปถึงเวอร์ชั่นล่าสุดก่อนแล้วค่อยอัพเดทนะครับ โดยเลขรุ่นแต่ละตัวจะเป็นดังนี้
Zenfone 4 : V6.6.3
Zenfone 5 : V2.22.40.53
Zenfone 5 LTE : V11.4.6.94
Zenfone 6 : V2.22.40.44
วิธีตรวจสอบรุ่น เข้าไปที่ Settings->About-> Model number
เวอร์ชั่นของเครื่อง เข้าไปที่ Settings->About-> software information->Build number 
หลังจากโหลด Firmware ของ Zenfone รุ่นที่เราใช้งานมาแล้ว (บ้านเราจะให้รหัส WW นะครับ) ให้ทำการ unzip ไฟล์ จะได้เป็นไฟล์ชื่อ UL-ASUS-xxxxxx.zip จากนั้นก็นำเอามือถือของเราเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อทำการโอนย้ายไฟล์ลงมือถือ
20140702055852_53b39f9cd03c0.jpeg

โดยไฟล์ UL-ASUS-xxxxxx.zip นั้นจะต้องถูกวางไว้ที่ "ASUS_XXX > ที่เก็บข้อมูลภายใน" หรือ "ASUS_XXX > Internal Storage" เท่านั้น ห้ามเนาไปไว้ใน folder อื่นๆ
20140702055852_53b39f9cd059a.jpeg

หลังจาก copy ไฟล์เสร็จเรียบร้อยให้ถอดสาย micro USB ออก แล้วสังเกตุแถบแจ้งเตือนด้านบน จะเห็นข้อความบอกว่า "ตรวจพบไฟล์อัพเดทระบบ" หรือ "System Update File Detect" เราก็สามารถแตะเพื่อเริ่มทำการอัพเดทได้ทันที
20140702055852_53b39f9cd07a7.jpeg

สำหรับการอัพเดทนั้นก็จะใช้เวลานานหลายนาทีหน่อย และต้องมีแบตเตอรี่มากกว่า 30% เครื่องถึงจะยอมทำการอัพเดทให้ โดยวิธีอัพเดทแบบนี้ข้อมูลในตัวเครื่องไม่หาย ไม่ต้องกังวลครับ
20140702055852_53b39f9cd0a7e.jpeg
และเป็นเรื่องปกติว่าเมื่อมีการอัพเดทใหม่ (โดยเฉพาะอัพเดทใหญ่จาก KitKat ไป Lollipop) มันจะต้องมีบั๊กแน่นอน ทาง ASUS ก็รอบคอบปล่อยตัว Downgrade มาเตรียมให้ผู้ใช้สามารถ downgrade กลับไปใช้งาน Android 4.4 KitKat ต่อไปก่อน รอมันพร้อมและนิ่งกว่านี้ค่อยอัพเดทอีกทีก็ยังไม่สาย ซึ่งเราสามารถไปดาวน์โหลดไฟล์และใช้วิธีเดียวกับข้างต้นในการดาวน์เกรดได้เลยครับ
ปัจจุบันจะมีเพียง 2 รุ่นที่ทำการ downgrade ได้ คือ Zenfone 4 และ Zenfone 6 ส่วนของ Zenfone 5 มีปล่อยมาเพียงรุ่นของไต้หวันเท่านั้น คาดว่าอีกสักพักถึงจะมีของ WW (Worldwide) ออกมาให้ได้ใช้กันครับ
ทาง Asus ปล่อยวิธีดาวน์เกรดมาครบทุกรุ่นแล้ว ไปตามโหลดได้ตามลิงก์เลย
Download Downgrade
- Zenfone 4 : http://goo.gl/Qs15ly
- Zenfone 5 : http://goo.gl/NMgfbs
- Zenfone 6 : http://goo.gl/xKj1bF

สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือไปหาทางดาวน์โหลดอื่นๆได้จาก Support เพจของทาง Asus ได้เลยนะครับ
- Zenfone 4 : http://goo.gl/nv26H2
- Zenfone 4.5 (A450CG) : http://goo.gl/LI2pcw
- Zenfone 5 : http://goo.gl/21X0h2
- Zenfone 5 LTE (A500KL) : http://goo.gl/4ekJ6M
- Zenfone 6 : http://goo.gl/Eqa8dG

ASUS มาแรง!! พบกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ทั้ง Zenfone Selfie, Zenfone Deluxe และ Zenfone Laser ในงาน Thailand Mobile Expo 2015

ที่งาน Thailand Mobile Expo ณ ศูนย์สิริกิติ์นี้ ต้องบอกว่ามีความคึกคักเป็นพิเศษ เนื่องจากหลายๆแบรนด์มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือเอซุส ซึ่งได้นำผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาจำหน่ายในงานนี้หลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Zenfone Selfie, Zenfone Deluxe และ Zenfone Laser นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมและของพรีเมียมอีกมากมาย
unnamed-6
มร. เจฟฟ์ โล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “กระแสตอบรับของผู้ที่เข้าชมงานและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ในบูทเอซุสครั้งนี้ดีมาก พบว่าสินค้าที่ขายดีที่สุดคือ Zenfone Selfie ซึ่งตอบโจทย์ทั้งการถ่ายภาพเซลฟี่ด้วยกล้องหน้า รวมถึงกล้องหลังที่คมชัดและปรับแต่งภาพได้ง่ายตามต้องการ และอีกตัวหนึ่งคือ Zenfone Deluxe ที่มาพร้อมประสิทธิภาพการใช้งานที่แรงและเร็ว ด้วย หน่วยความจำความจุถึง 128GB และดีไซน์ที่หรูล้ำนำสมัย”
unnamed-7
unnamed-9
ด้วยกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดตั้งแต่วันแรกของงาน (1 ต.ค. 58) ส่งผลให้สินค้าอาจจะหายากสักนิดในบางช่วงเวลา แต่อย่างไรก็ตาม ทางเอซุสได้พยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น ด้วยการสั่งสินค้าเข้ามามากขึ้นเพื่อที่จะตอบสนองความต้องการให้เพียงพอในวันต่อๆ ไป สำหรับท่านที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนใหม่ๆ ขอเชิญแวะชมสมาร์ทโฟนที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ในการใช้งานของคุณ ด้วยคุณภาพที่จัดเต็มในราคาสบายกระเป๋าได้ที่บูท PM 6/2 โซน Plenary Hall ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

1/06/2558

รวม 10 ฟีเจอร์เด่นที่จะพบได้ใน Asus Zenfone 2




รวม 10 ฟีเจอร์เด่นที่จะพบได้ใน Asus Zenfone 2

หลังจากที่ Asus เปิดตัวมือถือใหม่ด้วยกัน 2 รุ่นในงาน CES 2015 ได้แก่ Asus Zenfone 2 และ Asus Zenfone Zoom ซึ่งถ้าพูดถึงสเปคก็คงไม่มีอะไรกังขาแล้วใช่ไหมครับ เพราะทุกอย่างได้ถูกอัพขึ้นมาจากตอน Zenfone รุ่นแรกพอสมควร รวมถึงหน้าตาก็ออกแบบออกมาได้น่าใช้งานยิ่งขึ้น ว่าแต่มีอะไรใหม่ที่น่าสนใจใน Asus Zenfone 2 บ้าง เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลยครับกับ 10 ฟีเจอร์เด่นที่จะพบได้ใน Asus Zenfone 2
**หมายเหตุ บทความนี้จะเน้นไปที่ Asus Zenfone 2 ซะเป็นส่วนมากครับ แต่ก็ยังสามารถใช้อ้างอิงกับ Asus Zenfone Zoom ได้เช่นเดียวกัน**
อันดับแรก ก่อนที่จะเข้าสู่ รวม 10 ฟีเจอร์เด่นที่จะพบได้ใน Asus Zenfone 2 เรามาทำความรู้จักกับ Asus Zenfone 2 และ Asus Zenfone Zoom กันก่อน จากบทความนี้เลย


10 ฟีเจอร์เด่นที่จะพบได้ใน Asus Zenfone 2


1. Ram ที่มากที่สุดในโลกของมือถือสมาร์ทโฟน


The-Asus-Zenfone-2 (2)
จาก Zenfone รุ่นแรกที่ทำตลาดแตกด้วย Ram 2 GB มาถึงตอนนี้ Asus Zenfone 2 ก็ยังคงมาพร้อมกับ Ram 2 GB เหมือนเคยสำหรับตัวเริ่มต้น แต่ถ้าพูดถึงตัวท็อปของ Asus Zenfone 2 หน่ะหรอ มันมาพร้อมกับ Ram 4 GB เลยครับ รับรองว่าใน Asus Zenfone 2 Ram 4 GB จะเปิดกี่แอพก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมันมี Ram ให้ใช้พอๆ กับโน้ตบุ๊คเครื่องนึงเลยหล่ะ

2. หน้าจอที่ละเอียดกว่าเดิม พิกเซลมากกว่าเดิม และคมชัดยิ่งกว่าเดิม


The-Asus-Zenfone-2 (3)
ตอน Asus Zenfone รุ่นแรกนั้น ความละเอียดสูงสุดของหน้าจอต่อให้เป็นรุ่นท็อปสุดอย่าง Asus Zenfone 6 ก็ยังเป็นแค่หน้าจอความละเอียด HD 720p เท่านั้นเอง แต่สำหรับ Asus Zenfone 2 จะจัดเต็มยิ่งกว่าเดิม ด้วยหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080p ความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลที่ 403 ppi (มากกว่า iPhone 6 Plus อีก) แถมขอบจอยังบางเฉียบเพียง 3.9 มิลลิเมตรอีกต่างหาก

3. แฟลชคู่ LED


The-Asus-Zenfone-2 (4)
อาจจะดูเป็นรายละเอียดเล็กๆ แต่การที่มีแฟลช LED 2 ดวงอยู่ที่กล้องหลัง นอกจากจะสว่างขึ้นด้วยไฟ LED 2 ดวงแล้ว แฟลชยังเป็น 2 สีเหมือนอย่าง iPhone อีกต่างหาก โดยแฟลช 2 ดวง 2 สีจะทำให้มันยิงแสงแฟลชได้เนียนและดูเป็นธรรมชาติกว่าเดิม

4. OIS  ป้องกันภาพสั่นไหว บอกลาการถ่ายวีดีโอแล้วภาพชักกระตุกได้เลย


The-Asus-Zenfone-2 (1)
OIS หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือระบบกันภาพสั่นไหวด้วยตัวฮาร์ดแวร์ เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่พบได้ในมือถือระดับท็อป เช่น iPhone 6 Plus แต่แล้วยังไงหล่ะ ในเมื่อ Asus Zenfone 2 ราคาประมาณ 6,500 บาทก็มีเหมือนกันนั่นแหละ ทีนี้จะแสงน้อย หรือจะถ่ายวีดีโอก็หมดปัญหาภาพสั่นไหวแน่นอน

5. กล้องหน้าที่รองรับการ Selfie แบบเต็มๆ


Bigger-front-facing-snapper-equals-more-detailed-selfies
นอกจากกล้องหลังของ Asus Zenfone 2 จะเทพแล้ว กล้องหน้าของ Asus Zenfone 2 ก็ได้รับการยกระดับอัพเกรดให้ดียิ่งกว่าเดิม ด้วยการเพิ่มความละเอียดเป็น 5 ล้านพิกเซล ตามสมัยนิยม และเลนส์ Wide มุมกว้างที่นอกจากจะเซลฟี่ตัวเองแล้วยังเซลฟพี่เพื่อนๆ ได้ทั้งกลุ่มเลยทีเดียว

6. ชิปเซ็ต 64 Bit จำนวน Core ที่มากกว่าเดิม และแรงกว่าเดิม


intel_100468562_h
ชิปเซ็ต Intel Atom Z3580 บน Asus Zenfone 2 แรงกว่าชิปเซ็ตตัวเก่าเยอะครับ อย่างน้อยที่สุดมันก็ถูกอัพเกรดขึ้นทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนคอร์ที่เป็น Quad Core จริงๆ ซะที รวมถึงความเร็วที่สูงถึง 2.3 GHz และยังเป็นชิปเซ็ตแบบ 64 Bit อีกต่างหาก

7. มันรองรับ 4G LTE


nexusae0_LTE-Logo
ถึงแม้หลายคนจะบอกว่า 4G LTE ในบ้านเราอีกนานกว่าจะใช้ได้จริง แต่การที่รองรับมันก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้วใช่ไหมครับ เพราะเอาจริงๆ ตอนนี้ถ้าใช้ Dtac หรือ Truemove-H ในพื้นที่กรุงเทพฯ ก็จะพบว่ามันสามารถจับสัญญาณ 4G LTE ได้ค่อนข้างครอบคลุมทีเดียว และยิ่ง Truemove-H นี่เผลอๆ บ้านใครอยู่ในพื้นที่ปริมณฑลก็สามารถใช้งาน 4G ได้ด้วยนะ

8. แม้จะรองรับ 4G LTE มันก็ยังใช้งาน 2 ซิมได้อยู่นะ


Two-SIM-cards-aboard-too
ตรงนี้หลายคนจะบอกว่า Asus Zenfone รุ่นแรกก็มี แต่สำหรับ Asus Zenfone 2 มันพิเศษกว่าตรงที่รองรับการใช้งาน 4G LTE ด้วยนี่แหละครับ เพราะมือถือรองรับ 4G ส่วนมากจะใช้งานได้ซิมเดียว หรือถ้ารองรับ 2 ซิม ก็จะไม่รองรับ 4G แต่ Asus Zenfone 2 มีทั้ง 2 อย่างเลย จะสองซิม จะ 4G ก็รับได้หมด

9. ระบบชาร์จไว แบตจะหมดเร็วก็ไม่ใช่ปัญหา


The-Asus-Zenfone-2 (6)
พูดกันตรงๆ ผมว่า Asus Zenfone 2 นี่ดูจะเอาข้อดีของมือถือหลายรุ่นมารวมไว้ในเจ้า Asus Zenfone 2 ทั้งหมดเลยนะครับ ระบบชาร์จเร็วก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ปกติแล้วเราจะพบในมือถือระดับเรือธง อย่างรุ่นแรกที่มีระบบชาร์จเร็วก็คงเป็น Oppo Find 7 โดยระบบชาร์จเร็วของ Asus Zenfone 2 สามารถชาร์จไฟจาก 13% ไปเป็น 60% ใช้เวลาไม่ถึง 40 นาที ถือว่าเร็วมากนะครับสำหรับมือถือที่มีแบตเตอรี่ 3000 mAh

10. ZenUI เวอร์ชันใหม่ที่มาพร้อมกับ Android 5.0 Lolipop


The-Asus-Zenfone-2 (7)
อีกหนึ่งความสดใหม่ของ Asus Zenfone 2 นอกจากสเปคแล้วก็คือตัวซอฟท์แวร์นี่แหละครับ เพราะ Asus Zenfone 2 มาพร้อมกับซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดบนโลกแอนดรอยอย่าง Android 5.0 Lolipop รวมถึงตัว ZenUI ก็ถูกออกแบบใหม่ มีดีไซน์ที่สวยกว่าเดิม ส่วนเรื่องความลื่นไม่ต้องพูดถึงครับ สเปคระดับนี้ลื่นหัวแตกเลยหล่ะ

ที่มา: phonearena